Bangkok, Thailand


วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

"If I Give My Heart To You - Doris Day"

If I Give My Heart To You - Doris Day




If I Give My Heart To You - Doris Day





If I give my heart to you
Will you handle it with care
Will you always treat me tenderly
And in every way be fair

If I give my heart to you
Will you give me all your love
Will you swear that you'll be true to me
By the light that shines above

And will you sigh with me when I'm sad
Smile with me when I'm glad
And always be as you are with me tonight

Think it over and be sure
Please don't answer till you do
When you promise all those things to me
Then I'll give my heart to you

And will you sigh with me when I'm sad
Smile with me when I'm glad
And always be as you are with me tonight

Think it over and be sure
Please don't answer till you do
When you promise all those things to me
Then I'll give my heart to you




If I Give My Heart To You - Doris Day If I Give My Heart To You - Doris Day If I Give My Heart To You - Doris Day

I Will Always Love You - Whitney Houston

I will always love you - Whitney Houston


Whitney Elizabeth Houston วิทนีย์ ฮูสตัน ราชินีเพลงโซลชาวอเมริกัน เจ้าของเสียง I Will Always Love You เพลงจากหนังที่คนไทยรู้จักกันดีคือ The Bodyguard เธอเคยมาเปิดการแสดงในเมืองไทย ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อปี 2547

ข่าวซุบซิบว่า เธอออกจากสถานบำบัดผู้ติดยาที่แอตแลนตาไม่ถึงปี ก็กลับเข้าโปรแกรมรีดยาอีกครั้ง เป็นผลมาจากสารเสพติดที่เธอเสพทั้ง“โคเคน” กัญชา และยากระตุ้นประสาท รวมถึงเหล้าที่ขาดไม่ได้ แม้แต่ลูกสาวยังระอากับพฤติกรรมของทั้งพ่อและแม่ อยากย้ายบ้านไปอยู่กับยายซะให้พ้นๆ แล้ว

ปลายปี 2004 เธอออกมาประกาศตัวว่าเลิกแล้วเด็ดขาดเรื่องยาเสพติด สัญญาว่าจะกลับมาร้องเพลงให้ดีเหมือนเดิม และออกอัลบั้มใหม่ "Just Whitney" หวังทวงบัลลังก์นักร้องหญิงซูเปอร์สตาร์คืน แต่คงจะลำบาก เพราะมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าเธอยังไม่เลิกกับพฤติกรรมเก่าๆ คงจะหมดสิ้นอนาคตทางขายเสียงอีกต่อไป จึงอยากให้แฟนเพลงของเธอจดจำเพลงนี้ไว้ในความทรงจำที่ดีตลอดไป


I will always love you - Whitney Houston




If I should stay,
หากฉันจะต้องอยู่
I would only be in your way.
โดยฉันจะต้องอยู่บนทางของเธอ
So I'll go,
ถ้าเช่นนั้นฉันขอลาดีกว่า
but I know I'll think of you ev'ry step of the way
แต่ฉันก็รู้ว่า ฉันคิดถึงเธอทุกย่างก้าวบนทางที่ฉันเดิน.

And I will always love you.
และฉันนั้นยังคงรักเธอเสมอ
I will always love you.
จะคงรักแต่เพียงเธอเสมอ
You, my darling you. Hmm.
ที่รัก,เธอคือสุดที่รักของฉันจ

Bittersweet memories
ความทรงจำที่หวานและขมขื่น
that is all I'm taking with me.
คือสิ่งที่ฉันได้รับมันไว้
So, goodbye. Please, don't cry.
ดังนั้น,ฉันขอลาก่อนน๊ะ,ได้โปรดอย่าร้องไห้
We both know
เราทั้งสองคนต่างก็รู้กันแล้วนี่นา
I'm not what you, you need.
ว่าฉันนั้นไม่ใช่คนที่เธอต้องการ

And I will always love you.
และฉันนั้นจะรักเธอเสมอ
I will always love you.
ฉันจะรักเธอตลอดไป

(Instrumental solo)

I hope life treats you kind
ฉันหวังว่าวิถีชีวิตเธอจะปฏิบัติต่อเธอด้วยความกรุณา
And I hope you have all you've dreamed of.
และฉันขอให้เธอมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอไฝ่ฝันอยากได้

And I wish to you, joy and happiness.
ฉันขอให้เธอมีความสุขสนุกสนาน
But above all this, I wish you love.
แต่นอกเหนือจากนี้ ฉันต้องการเพียงรักจากเธอเท่่านั้น

And I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I, I will always love you.

You, darling, I love you.
เธอ,ที่รักของฉัน ฉันรักเธอ
Ooh, I'll always, I'll always love you.
โอ้..,ฉันรักเธอเสมอ,ฉันยังคงรักเธอเสมอ




I will always love you - Whitney Houston I will always love you - Whitney Houston I will always love you - Whitney Houston

If you love me - Brenda Lee

If you love me - Brenda Lee


เพลงนี้เป็นเพลงช้า ๆ ของ Miss dynamite (Brenda Lee) ความหมายดีเหมือนกันครับ
เธอบอกว่า ไม่ว่าธรรมชาติจะเป็นอย่างไร เธอไม่วิตกกังวล เธอบอกว่า "ขอให้คุณรักฉัน และ
รักอย่างจริงใจ" เท่านั้นเป็นพอ ไม่ว่าคุณต้องการอะไรหนักหนาแค่ไหน หากคุณเอ่ยมาก็จะทำให้
เห็นมั้ยครัีบ




If you love me - Brenda Lee





If the sun should tumble from the sky
หากแม้นอาทิตย์จะถล่มทะลายจากท้องฟ้า
and the sea should suddenly run dry
หากทะเลมีอันต้องเหือดแห้งในทันใด
If you love me,really love me?
หากเธอรักฉัน รักอย่างจริงแท้
Let it happen, I won't care
ปล่อยให้มันเกิดไปเถิด,ฉันไม่กังวล

If it seems that everything is lost
ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนว่ามันจะสลายไป
I will smile and never count the cost
ฉันก็จะยิ้มและจะไม่คิดถึงสิ่งที่ต้องเสียไป
If you love me, really love me?
ถ้าเธอรักฉัน,รักฉันอย่างแท้จริง
Let it happen, darling I won't care
ปล่้อยให้มันเกิดเลย,ที่รักฉันไม่สน

Shall I catch a shooting star?
ฉันควรจะคว้าเอาดาวตกไว้สักดวงไหม?
Shall I bring it where you are?
ฉันควรจะนำมันไปยังที่เธออยู่ดีไหม?
If you want me to I will
ถ้าหากเธอต้องการให้ฉันทำเช่นนั้น ฉันก็จะทำ

You can set me any task,
หากเธอต้องการให้ฉันทำอะไรที่เกินกำลัง
I'll do anying you ask
ฉันก็จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ
If you'll only love me still
ถ้าหากเธอยังคงรักฉันอยู่

When at last, this life on earth is through
ครั้นถึงเวลาในท้ายที่สุด,ชีวิตฉันบนโลกนี้ฝ่าฟันไปได้
I will share eternity with you
ฉันจะแบ่งความเป็นนิรันดร์กับเธอ
If you love me really love me?
หากว่าเธอรักฉัน รักฉันจริง ๆ
Let it happen, I won't care
จงปล่อยให้มันเกิดขึ้น,ฉันไม่ใยดีเลย
If you love me, really love me?
ถ้าเธอรักฉัน,รักฉันอย่างจริงใจ
Let it happen, darling I won't care
ให้มันเกิดขึ้น,ที่รัก ฉันไม่ใยดีเลย







If you love me - Bobby Vinton




If you love me - Nana Mouskouri





If you love me - Kuh Ledesma




If you love me - Brenda Lee If you love me - Brenda Lee If you love me - Brenda Lee

Love Is a Many Splendored Thing - The Four Aces

Love Is a Many Splendored Thing - The Four Aces


Love Is a Many Splendored Thing สร้างเป็นหนังเมื่อปี 1955 ถ่ายทำในฮ่องกงตั้งแต่ปี 1949-1950 เป็นเรื่องราวของรักข้ามพรมแดนระหว่างนักข่าวชาวอเมริกันที่นำแสดงโดย William Holden กับ ดร. ฮันซูหยิน แพทย์สาวลูกครึ่งที่ยังเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษชาวจีน ซึ่งนำแสดงโดย Jennifer Jones

อุปสรรคเกี่ยวกับความต่างกันของประเพณี สมัยสงครามเกาหลีจึงเกิดขึ้น แต่ความรักให้อะไรๆที่มากเกินจะกล่าวบรรยาย Love Is a Many Splendored Thing เพลงนี้ทำดนตรีโดย Sammy Fain และเขียนเนื้อโดย Paul Francis Webster เพื่อใช้ประกอบหนังที่มีชื่อเดียวกับเพลงนี้ ในปี 1955 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนั้น

รางวัล Oscar เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่มาก และจะมีการประกาศผลรางวัลสำหรับเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยม แค่ปีละ 1 เพลงเท่านั้น ซึ่งในปีนั้นจัดงานในวันที่ 21 มีนาคม 1956 ที่ Los Angeles และ NBC Century Theatre ใน New York โดยมีรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยม 1955 คือ Love Is A Many Splendored Thing จากหนังเรื่อง LOVE IS A MANY SPLENDORED THING ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเพลงนั่นเอง สำหรับเพลงดังๆที่ได้รางวัลในปีใกล้เคียงกันนั้นเช่น

ปี 1953 : "Secret Love" จากหนังเรื่อง CALAMITY JANE
ปี 1954 : "Three Coins in the Fountain"
จากหนังเรื่อง THREE COINS IN THE FOUNTAIN
ปี 1956 : "Whatever Will Be, Will Be (Que Sera, Sera)"
จากหนังเรื่อง THE MAN WHO KNEW TOO MUCH

"Love is a many splendored thing" ขึ้นถึงอันดับ 1ของ ชาร์ทเพลงนานติดต่อกันถึง 4 สัปดาห์ในปี 1955 ผงาดแทรกเพลงในแนวร้อคแอนด์โรล ที่กำลังกระหน่ำทุกคลื่นวิทยุในขณะนั้น จากผลงานของ The Four Aces กับรางวัลเพลงยอดเยี่ยมจาก The Academy Award จึงมีนักร้องไปเอาร้องอีกหลายคนและยังได้ขึ้นอันดับเพลงในช่วงหลังๆอีกเช่นผลงานของ Jerry Vale,Frank Sinatra, Barry Manilow ,Andy Williams,The Lettermen ,Ray Conniff ,Kenny Rogers แต่ที่ดังสุดๆในเมืองไทยเป็นผลงานของ Nat Kingcole ที่ถูกบันทึกไว้เมื่อปี 1974





Love Is a Many Splendored Thing - The Four Aces




Love is a many splendored thing
It's the April rose
That only grows in the early spring
Love is nature's way of giving
A reason to be living
The golden crown that makes a man a king

Once on a high and windy hill
In the morning mist
Two lovers kissed
And the world stood still
Then your fingers touched
My silent heart and taught it how to sing
Yes, true love's
A many splendored thing

Once on a high and windy hill
In the morning mist
Two lovers kissed
And the world stood still
Then your fingers touched
My silent heart and taught it how to sing
Yes, true love's
A many splendored thing







Love Is a Many Splendored Thing - Frank Sinatra



Love Is a Many Splendored Thing - The Four Aces Love Is a Many Splendored Thing - The Four Aces Love Is a Many Splendored Thing - The Four Aces



"Venus In Blue Jeans - Jimmy Clanton"

Venus In Blue Jeans - Jimmy Clanton




Venus In Blue Jeans - Jimmy Clanton





she's venus in blue jeans
mona lisa with a ponytail
she's walkin' talkin' work of art
she's the girl who stole my heart

my venus in blue jeans
is the cinderella i adore
she's my very special angel too
a fairy tale come true

they say there's seven wonders in the world
but what they say is out of date
there's no more seven wonders in the world
i just met number eight

my venus in blue jeans
is ev'rything i hoped she'd be
a teenage goddess from above
and she belongs to me

my venus in blue jeans
is ev'rything i hoped she'd be
a teenage goddess from above
and she belongs to me



Venus In Blue Jeans - Mark Wynter




Venus In Blue Jeans - Ray Adams




Venus In Blue Jeans - Jimmy Clanton Venus In Blue Jeans - Jimmy Clanton Venus In Blue Jeans - Jimmy Clanton

"Puff the magic dragon - Peter Paul & Mary"

Puff the magic dragon - Peter Paul & Mary




Puff the magic dragon - Peter Paul & Mary




Puff, the magic dragon, lived by the sea
ฟัฟ มังการที่งดงามมีอำนาจวิเศษอาศัยอยู่ใกล้ท้องทะเล
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.
และมีความสุขสนุกสนานอยู่ท่ามกลางสายหมอกฤดูใบไม้ร่วงในดินแดนที่เรียกว่า ฮอนาลี
Little Jackie Paper loved that rascal Puff
เด็กน้อย แจ๊คกี้ เปเปอร์ ก็รักเจ้าหมอนั่นมาก (ฟัฟ)
And brought him strings and sealing wax and other fancy stuff, oh
ได้นำเอาเชือก ชันยาเรือ อาหารขนม ตามแต่จะหา,ได้ มาให้เจ้าฟัฟ โอ

Puff, the magic dragon, lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.
Puff, the magic dragon, lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.

Together they would travel on boat with billowed sail
เขาเดินทางโดยล่องเรือโต้คลื่นไปด้วยกัน
Jackie kept a look out perched on Puff's gigantic tail
แจ๊คกี่ ได้เกาะอยู่บนหางอันใหญ่โตของเจ้าฟัฟอย่างระมัดระวัง
Noble kings and princes would bow whene'er they came
กษัตริย์ผู้สูงศักดิ์รวมถึงเจ้าผู้ครองนครยังต้องก้มศีรษะให้เมื่อพวกเขาผ่านไป (แจ๊คกี้กับเจ้าฟัฟ)
Pirate ships would lower their flags when Puff roared out his name, oh
เรือโจรสลัดยังต้องยอมลดธงให้เมื่อเจ้าฟัฟแสดงตัวด้วยการแผดเสียงอันดังสนั่น โอ

Puff, the magic dragon, lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.
Puff, the magic dragon, lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.

A dragon lives forever, but not so little boys
มังกรนั้นมีชีวิตคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เด็กน้อยไม่เป็นเช่นนั้น
Painted wings and giants's rings make way for other toys.
แต้มสีที่ปีกและห่วงล้อของเจ้ายักษ์ประดิษฐของเล่นอย่างอื่น ๆอีก
One grey night it happened, Jackie Paper came no more
และแล้วในคืนวันแสนเศร้าก็เกิดขึ้น,แจ๊คกี้ เปเปอร์ ก็ไม่ได้มาอีกเลย
And Puff that mighty dragon, he ceased his fearless roar.
และฟัฟเจ้ามังกรที่มีอำนาจ,ก็ไม่ได้ร้องเสียงที่เคยคำรามอย่างอาจหาญอีก

His head was bent in sorrow, green scales fell like rain
เจ้าฟัฟหัวห้อยด้วยความเศร้าสร้อย,เกล็ดสีเขียวตามตัวร่วงหล่นราวกับฝน
Puff no longer went to play along the cherry lane.
เจ้าฟัฟไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นอีกต่อไปแล้ว
Without his life long friend Puff could not be brave.
ขาดเพื่อนคู่ชีวิต,เจ้าฟัฟไม่มีความกล้าหาญเหลืออยู่เลย
So, Puff that mighty dragon sadly slipped into his cave, oh
ดังนั้น เจ้าฟัฟ มังกรที่ยิ่งใหญ่ก็ตรอมใจ หลบมุมอยู่แต่ในถ่ำของตัวเอง

Puff, the magic dragon, lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.
Puff, the magic dragon, lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called Honalee.


frolicked = กระโดดโลดเต้น,เล่นซน,สนุกสนานกัน... rascal = เจ้าหมอนั่น เจ้าหมอนี้ ใช้เรียกเป็นเชิงสัพยอก
sealing wax = ชันที่ใช้ยาเรือกันน้ำเข้า...fancy = ความนึกคิดแปลก ๆ นึกขึ้นเอง...stuff = อาหาร,ขนม...noble = สูงศักดิ์,เจ้าครองนคร
billowed = คลื่น,มีคลื่น...look out = ระมัดระวัง...perched = คอนสำหรับนกเกาะ,นั่งอยู่บนที่สูง...gigantic = มากมาย,ใหญ่โต
ceased = เลิก,เว้น,สิ้นลง... fearless = กล้าหาญ,ปราศจากความกลัว...roar = ดังสะท้าน,เสียงสนั่น...scales = เกล็ด...slipped = ซอก




Puff the magic dragon - Peter Paul & Mary Puff the magic dragon - Peter Paul & Mary Puff the magic dragon - Peter Paul & Mary

"Sad Movies - Sue Thompson"

Sad Movies - Sue Thompson




Sad Movies - Sue Thompson




Sad movies always make me cry
หนังเศร้า ทำให้ฉันร้องไห้เสมอ

He said he had to work,
เขาบอกฉันว่า เขาต้องไปทำงาน
so I went to the show alone.
ดังนั้นฉันจึงได้ไปดูหนังเพียงลำพัง

They turned down the lights
พอทางโรงหนังดับไฟลง
and turned the projector on.
แล้วเปิดเครื่องฉายหนัง

And just as the news of the world started to begin,
พอขณะที่ข่าวรอบโลกเริ่มต้นฉาย
I saw my darling and my best friend walking in.
ฉันก็ได้เห็นคนรักของฉันกับเพื่อนที่แสนดีของฉันเดินเข้ามา

Although I was sitting right there they didn't see me.
แม้ว่าฉันกำลังนั่งอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นฉัน
And so they both sat right down in front of me.
ดังนั้นเขาทั้งสองคนจึงได้ตกลงนั่งตรงหน้าฉัน
And when he kissed her lips then I almost died.
และพอเขาจูบริมฝีปากเธอ,ฉันแทบตาย
And in the middle of the color cartoon
พอหนังฉายไปถึงตอนกลางของการ์ตูนสี
I started to cry.
ฉันก็เริ่มที่จะร้องไห้ออกมา

Oh Sad movies always make me cry
โอ หนังเศร้า ทำให้ฉันร้องไห้เสมอ ๆ
Oh Sad movies always make me cry
โอ หนังเศร้า ทำให้ฉันร้องไห้อยู่เรื่อย

And so I got up and slowly I walked on home,
ดังนั้น ฉันจึงลุกขึ้นและค่อย ๆ เดินกลับบ้าน
And Mama saw the tears and said
พอคุณแม่เห็นน้ำตา ท่านจึงพูดขึ้นว่า
"Baby, what is wrong".
ลูกรัก เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ
And so just to keep from telling her a lie,
และเพื่อป้องกันจากการพูดโกหกกับแม่
I just said "Sad movies makes me cry"
ฉันจึงแค่พูดว่า "หนังเศร้าทำให้หนูร้องไห้เรื่อยเลย"


Oh Sad movies always make me cry
Oh Sad movies always make me cry

Oooo Ooooo - Sad movies make me cry


projector = เครื่องฉายภาพยนต์

เมื่อเอ่ยถึงโรงหนัง เมื่อครั้งสมัยก่อนที่ยังเป็นโรงใหญ่
ปัจจุบันนี้ก็เห็นมีเหลือคือ โรงหนังสยาม และสกาล่า
ตอนนี้สยามไฟไหม้ไปแล้วเหลือแต่ สกาล่้า เพียงโรงเดียว
สมัยก่อนเมื่อซื้อตั๋วเข้าไปชมภาพยนต์ ก็จะมีหนังข่าว
รอบโลกก่อน จากนั้นก็เป็นหนังการ์ตูน แล้วจึงเป็น
หนังเรื่อง ตามในเนื้อเพลงนั้นถูกต้องทุกประการ




Sad Movies - Sue Thompson Sad Movies - Sue Thompson Sad Movies - Sue Thompson

"Five Hundred miles - Peter Paul & Mary"

Five Hundred miles - Peter Paul & Mary




Five Hundred miles - Peter Paul & Mary




If you miss the train I'm on,
ถ้าเธอพลาดรถไฟขบวนที่ฉันนั่งอยู่นี้
you will know that I am gone
ขอเธอจงรู้ด้วยว่าฉันได้ไปแล้ว
You can hear the whistle blow a hundred miles,
เธอสามารถฟังเสียงวูดรถไฟได้ที่หนึ่งร้อยไมล์
A hundred miles, a hundred miles,
หนึ่งร้อยไมล์,หนึ่งร้อยไมล์
a hundred miles, a hundred miles,
หนึ่งร้อยไมล์,หนึ่งร้อยไมล์
You can hear the whistle blow a hundred miles.
เธอสามารถฟังเสียงวูดรถไฟนี้ได้ที่หนึ่งร้อยไมล์

Lord I'm one, lord I'm two,
พระเจ้าฉันอยู่ที่หนึ่ง,พระเจ้าฉันอยู่ที่สอง
lord I'm three, lord I'm four,
พระเจ้าฉันอยู่ที่สาม,พระเจ้าฉันอยู่ที่สี่
Lord I'm five hundred miles away from home
ตายจริง ฉันอยู่ห่างจากบ้านไปห้าร้อยไม่แล้ว

away from home, away from home,
ห่างจากบ้าน,ห่างจากบ้าน
away from home, away from home
ห่างจากบ้าน,ห่างจากบ้าน
Lord I'm five hundred miles away from home.
พระเจ้า ฉันห่างจากบ้านมาห้าร้อยไมล์แล้ว

Not a shirt on my back, not a penny to my name
ในกระเป๋าฉันไม่มีเสื้อผ่า,ไม่มีเงินติดตัวเลย
Lord I can't go back home this away
พระเจ้า ฉันไม่อาจกลับบ้านได้ นี่ไกลมาก
This away, this away, this away, this away
นี่ไกลมาก
Lord I can't go back home this away.
พระเจ้าฉันไม่อาจกลับบ้านได้นี่ไกลเหรือเกิน

If you miss the train I'm on
you will know that I am gone
You can hear the whistle blow a hundred miles


miss = ทำผิด,ไม่ทัน,เสียโอกาศ...Miss = นางสาว (M ตัวใหญ่)...whistle = หวูดเรือกลไฟ,หวูดรถไฟ,นกหวีด,ผิวปาก
blow = พัด,กระพือ,เป่า,พ่นน้ำ,ปลิว...Lord = พระผู้เป็นเจ้า,ตายจริง...not a penny = ไม่มีเงิน
to my name = ของตัวเราเอง







Five Hundred miles - The Brothers Four




Five Hundred miles - Peter Paul & Mary Five Hundred miles - Peter Paul & Mary Five Hundred miles - Peter Paul & Mary

Blowing In The Wind - Peter Paul & Mary

Blowing In The Wind - Peter Paul & Mary


เพลงนี้เป็นสิ่งกระตุ้นเตือนใจ ให้หลาย ๆ คนหันมาสนใจในเพื่อนมนุษย์
มีคำถามในเพลงหลายคำถาม ซึ่งหาคำตอบไม่ได้ (ให้ไปถามเอากับลม)
อย่างเช่น มนุษย์เราจะต้องเดินผ่านถนนแห่งชีวิตสักกี่สาย ต้องเจอะเจออะไร
มาบ้าง จึงจะเรียกได้ว่าเป็นคนเต็มคน.. นกพิราบบินผ่านมหาสมุทรกี่สายจึงจะ
ได้หลับไหลบนผืนทราบ เปรีบบเสมือนว่า มนุษย์จะต้องทำสงครามนานแค่ไหน
กว่าจะอยู่กันได้อย่างสันติเหมือนนกพิราบ.. อีกกี่ปีหนอคนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ ก่อน
ที่เขาจะได้รับการปลดปล่อยเสียที หมายถึงว่ามีคนบางคนในโลกใบนี้ถูกริดรอน
เสรีภาพ เขาต้องทนทุกข์อยู่นานแค่ไหนกัน.. อีกนานแค่ไหนที่มนุษย์เราหันไปดู
แล้วเสแสร้งทำเป็นไม่เห็น หมายถึงคนที่มีความทุกข์บนโลก เมื่อมีเสียงเรียกร้อง
ให้หันไปดู แต่เมื่อหันไปดูแล้ว กลับแกล้งทำเป็นไม่เห็น..จะต้องแหงนมองท้องฟ้า
อีกกี่ครั้ง จึงจะเห็นท้่องฟ้ากว้าง หมายถึงคนเราแหงนมองท้องฟ้า แต่ไม่ได้มองความงาม
หรือความกว้างใหญ่ของท้องฟ้าไม่ได้ซาบซึ้งถึงคุณค่าของธรรมชาติ





Blowing In The Wind - Peter Paul & Mary




How many roads must a man walk down
ถนนกี่สายกันน๊ะที่คนเราต้องก้าวเดินไป
Before they call him a man?
ก่อนที่คุณจะเรียกได้เต็มปากว่าเขาเป็นคนเต็มคน
How many seas must a white dove sail
มหาสมุทรกี่แห่งกันหนอ ที่เจ้านกพิราบขาวบินผ่าน
Before she sleeps in the sand?
ก่อนที่มันจะได้หลับไหลบนผืนทราย
How many times must the cannon balls fly
และอีกกี่ครั้งกี่คราว ที่ลูกกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกไป
Before theyre forever banned?
ก่อนที่จะมีคนสั่งระงับไม่ให้ยิงออกไป

The answer, my friend,
คำตอบนั้นหรือ เพื่อนของข้าทั้งหลาย
is blowin in the wind
มันอยู่ในสายลมโน่นแน๊ะ (หมายถึงไม่มีคำตอบ)
The answer is blowin in the wind
.คำตอบไม่มีหรอก

How many years must a mountain exist
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนหนอสำหรับภูเขาลูกหนึ่ีงดำรงอยู่
Before it is washed to the sea?
ก่อนที่มันจะถูกกัดเซาะไหลลงสู่ทะเล
How many years can some people exist
และอีกกี่ปีหนอคนเราจะมีชีวิตอยู่ได้
Before theyre allowed to be free?
ก่อนที่เขาจะได้เป็นอิระเสียที
How many times can a man turn his head
อีกนานแค่ไหนที่มนุษย์เราจะหันไปดู
And pretend that he just doesnt see?
แล้วเสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

The answer, my friend, is blowin in the wind
The answer is blowin in the wind.

How many times must a man look up
คน ๆ หนึ่งจะต้องแหงนหน้ามองขึ้นอีกกี่ครั้งกี่ครากันนี่
Before he can see the sky?
กว่าจะได้เห็นท้องฟ้ากว้าง
How many ears must one man have
แล้วคนเราจะต้องมีหูอีกสักกี่หูล่ะ
Before he can hear people cry?
จึงจะได้ยินเสียงผู้คนร้องคร่ำครวญ
How many deaths will it take
จะมีคนตายอีกมากมายขนาดไหนหนอ
Till he knows that too many people have died?
ถึงจะรู้ว่ามีคนตายมากเกินไปแล้ว

The answer, my friend, is blowin in the wind
The answer is blowin in the wind.
The answer is blowin in the wind.


a whit dove = นกพิราบขาว (สัญญลักษณ์ของเสรีภาพ)...to sail = บินผ่าน เหมือนเรือแล่นข้ามมหาสมุทร
cannon = ปืนใหญ่...cannon balls = กระสุนปืนใหญ่...baned = ถูกห้าม ban คือห้าม ที่เราใช้ทับศัพย์ว่า โดนแบน คือถูกห้ามนั่นเอง
look up หมายถึงมองขึ้นไป หากมีคำว่า to ตามหลัง + คนใดคนหนึ่ง หมายถึงยกย่อง เช่น He looks up to me เขายกย่องฉัน
to exist = คงอยู่ ดำรงอยู่...wash = ชำระล้าง,ซัด,เซาะ...pretend = เสแสร้ง




Blowing In The Wind - Peter Paul & Mary Blowing In The Wind - Peter Paul & Mary Blowing In The Wind - Peter Paul & Mary

what a wonderful world - Louis Armstrong

what a wonderful world - Louis Armstrong


ต้นไม้ที่เขียวขจี กุหลาบแดงที่เบ่งบาน ท้องฟ้าสีฟ้าใส หมู่เมฆขาวนวล โลกใบนี้ช่างสวยงามเสียนี่กระไร สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องใช้เงินทองซื้อหา ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวย หรือคนจน เพราะเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ทุกคนมีสิทธิ์สัมผัส

หลังจากที่โลกใบนี้ถูกมนุษย์ย่ำยีมานาน ทรัพยากรเริ่มร่อยหรอลงไปทุกทีๆ ธรรมชาติถูกทำลายจนเกือบไม่หลงเหลือความงามให้เห็นกันอีก จึงเกิดกลุ่มคนที่ต้องการเยียวยารักษาโลกใบนี้ไว้ เพื่อให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานที่จะเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้พบเห็นความงดงามของธรรมชาติเหมือนที่ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของเราได้เคยพบเคยเห็นมาแล้ว

เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาโดย Bob Thiele โปรดิวเซอร์ผู้มีชื่อเสียงในโลกดนตรีร่วมกับ George David Weiss คอมโพสเซอร์ที่มีชื่อเสียงอีกคน และ George Douglas.นักเปียนโนฝีมือดีถูกทั้งคู่เรียกตัวมาร่วมงานด้วยกัน โดยมี Louis Armstrong นักร้องผิวสีบันทึกเสียงร้องคนแรก ออกวางจำหน่ายในแบบซิงเกิลเมื่อปี 1968,ในสหรัฐอเมริกานั้นขายได้ไม่ถึง 1,000 copies,แต่กลับประสบความสำเร็จในอังกฤษ ขึ้นไปถึงอันดับ 1ของ The UK singles chart.ด้วยยอดจำหน่ายที่ถล่มทลายจนกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดในขณะนั้นและเป็น The Biggest-Selling Single ของปี 1968

เพราะผลงานเพลงนี้ทำให้ Louis Armstrong ในขณะที่อายุ 66 ปี 10 เดือน ได้รับเลือกให้เป็นสุดยอดนักร้องชายอาวุโส The oldest male to top the charts,และมาโดนทำลายสถิติในปี 2009 เมื่อ Tom Jones.อายุ 68 ปี 9 เดือน ได้รับคัดเลือกขึ้นมาเป็นอันดับ 1

What a Wonderful World ถูกนำมาใช้ในฉากจบของหนังดังเรื่อง The Longest Day และเรื่อง Good Morning Vietnam บทเพลงที่มีเนื้อหาสดุดีความสวยงามของโลกเพลงนี้ถูกนำกลับมาบันทึกใหม่อีกครั้งในสหรัฐอเมริกาและเป็นเพลงอันดับ 1 อีกครั้งในปี 1988 หลังจากที่คนร้องเพลงนี้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 1971 และ What a Wonderful World ได้รับคัดเลือกให้เข้าในทำเนียบ Grammy Hall of Fame เมื่อปี 1999.

ดนตรีที่ดีนั้น ไม่มีสีผิว ไม่มีเพศ ไม่มีวัย และไม่มีชนชั้น
ดนตรีนำมาซึ่งมิตรภาพและสันติภาพ......................หลุยส์ อาร์สตรอง

หลุยส์ อาร์มสตรอง เกิดในนิวออร์ลีน สหรัฐอเมริกา นิวออร์ลีนส์เป็นที่เกิดของดนตรีแจส เขาเติบโตในย่านสลัมคนดำ พ่อเป็นกรรมกร แม่เป็นแม่บ้านที่มีอาชีพเสริมเป็นโสเภณี (ในสมัยนั้นเป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย) พ่อเขาก็ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังแบเบาะ แม่ย้ายไปอยู่ย่านโสเภณี ฝากเขาไว้ให้ย่าดูแล เขาประทังชีวิตด้วยอาหารราคาถูก หรือแม้แต่ต้องคุ้ยอาหารตามถังขยะ และหาเงินโดยการเป็นนักร้องในวงขับร้องประสานเสียงของเด็ก ๆ ร้องเพลงตามสถานที่สาธารณะ

ตอนอายุ 13 ปีเขานึกคะนองยิงปืนขึ้นฟ้า จนถูกจับตัวขังบ้านคุ้มครองเด็ก ที่นี่เองที่เขามีโอกาสเรียนเป่าคอร์เน็ต (Cornet) ในวงดนตรีของบ้านคุ้มครองเด็ก เมื่อถึงวันได้รับอิสรภาพ เขาจึงตัดสินใจเอาดีทางด้านดนตรี โดยการหยิบยืมเครื่องดนตรีของเพื่อนมาเล่น ช่วงนี้ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่ในย่านเริงรมย์ของนิวออร์ลีน จนได้พบกับ คิง โอลิเวอร์ (Joe "King" Oliver) นักคอร์เน็ตและหัวหน้าวงแจ๊สชื่อดัง โอลิเวอร์สนับสนุนให้เขาแสดงความสามารถ ไม่นานเขาก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกด้วยการเป่า ทรัมเป็ตอันวิเศษยอดเยี่ยมของเขา อาร์มสตรองเป็นนักดนตรีอันดับหนึ่ง ที่สร้างแบบการเล่นดนตรีเดี่ยวขึ้นในดนตรีแจส เขาร้อง เพลงด้วยเสียงห้าวๆ

อาร์มสตรองเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ที่กรุงนิวยอร์กเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2514 รวมอายุ 69 ปี ภายหลังจากเขาเสียชีวิตได้มีการตั้งชื่อสนามบินแห่งเมืองนิวออร์ลีนว่า "Louis Armstrong New Orleans International Airport" และมีการสร้างอนุสาวรีย์สวนสาธารณะเพื่อรำลึกถึงเขาหลายแห่งที่เมืองนิวออร์ลีนบ้านเกิด






what a wonderful world - Louis Armstrong




I see trees of green........ red roses too
I see em bloom..... for me and for you
And I think to myself.... what a wonderful world.

ฉันเห็นต้นไม้สีเขียวขจี เห็นกุหลาบสีแดง
ที่พากันเบ่งบาน เพื่อเธอและฉัน
ฉันรำพึงกับตัวเองว่า โลกนี้ช่างงดงามเหลือเกิน

I see skies of blue..... clouds of white
Bright blessed days....dark sacred nights
And I think to myself .....what a wonderful world.
ฉันเห็นท้องฟ้าสีฟ้า ปุยเมฆสีขาว
กลางวันที่แสนสุขและค่ำคืนที่ศักดิ์สิทธิ์
ฉันรำพึงกับตัวเองว่า โลกนี้ช่างงดงามเหลือเกิน

The colors of a rainbow.....so pretty ..in the sky
Are also on the faces.....of people ..going by
I see friends shaking hands.....sayin.. how do you do
Theyre really sayin......i love you.
สีสรรของสายรุ้งแสนสวยสดอยู่บนฟ้า
และบนใบหน้าของผู้คนที่ผ่านไปมา
ฉันเห็นเพื่อนฝูงทักทายกัน
และบอกว่ารักกันอย่างจริงใจ

I hear babies cry...... I watch them grow
Theyll learn much more.....than Ill never know
And I think to myself .....what a wonderful world
ฉันได้ยินเสียงเด็กร้อง เฝ้ามองเขาเติบโต
เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากเกินกว่าที่จะคาดถึง
ฉันคิดว่า โลกนี้ช่างงดงามเหลือเกิน

(instrumental break)

The colors of a rainbow.....so pretty ..in the sky
Are there on the faces.....of people ..going by
I see friends shaking hands.....sayin.. how do you do
Theyre really sayin...*spoken*(I ....love....you).
สีสรรของสายรุ้งแสนสวยสดอยู่บนฟ้า
และบนใบหน้าของผู้คนที่ผ่านไปมา
ฉันเห็นเพื่อนฝูงทักทายกัน
และบอกว่ารักกันอย่างจริงใจ

I hear babies cry...... I watch them grow
*spoken*(you know their gonna learn
A whole lot more than Ill never know)
And I think to myself .....what a wonderful world
Yes I think to myself .......what a wonderful world.
ฉันได้ยินเสียงเด็กร้อง เฝ้ามองเขาเติบโต
เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากเกินกว่าที่จะคาดถึง
ฉันคิดว่า โลกนี้ช่างงดงามเหลือเกิน
โลกนี้ช่างงดงามเหลือเกิน









what a wonderful world - Rod Stewart


what a wonderful world - Louis Armstrong what a wonderful world - Louis Armstrong what a wonderful world - Louis Armstrong

"Venus - Frankie Avalon"

Venus - Frankie Avalon



Venus - Frankie Avalon





Hey Venus oh Venus
Venus if you will
Please send a little girl for me to thrill
A girl who wants my kisses and my arms
A girl with all the charms of you

Venus make her fair
A lovely girl with sunlight in her hair
And take the brightest stars up in the sky
And place them in her eyes for me

Venus, goddess of love that you are
Surely the things I ask
Can't be too great a task

Venus, if you do
I promise that I always will be true
I'll give her all the love I have to give
As long as we both shall live.

Venus, goddess of love that you are
Surely the things I ask
Can't be too great a task

Venus, if you do
I promise that I always will be true
I'll give her all the love I have to give
As long as we both shall live.

Hey Venus oh Venus
Make my wish come true





Venus - Frankie Avalon Venus - Frankie Avalon Venus - Frankie Avalon

"Never on Sunday - The Chordettes"

Never on Sunday - The Chordettes



Never on Sunday - The Chordettes





oh, you can kiss me on a monday a monday a monday
is very very good
or you can kiss me on a tuesday a tuesday a tuesday
in fact i wish you would
or you can kiss me on a wednesday a thursday a
friday and saturday is best
but never ever on a sunday a sunday a sunday
cause that's my day of rest

most anyday you can be my guest
anyday you say but my day of rest
just name the day that you like the best
only stay away on my day of rest

oh, you can kiss me on a cool day a hot day a wet day
which ever one you choose
or try to kiss me on a grey day a may day a pay day
and see if i refuse

and if you make it on a bleake day a freak day or a week day
well you can be my guest
but never ever on a sunday a sunday the one day
i need a little rest
oh, you can kiss me on a week day a week day a week day
the day to be my guest



Never on Sunday - Petula Clark



Never on Sunday - Connie Francis





Never on Sunday - The Chordettes Never on Sunday - The Chordettes Never on Sunday - The Chordettes

"When will I see you again - The Three Degrees"

When will I see you again - The Three Degrees





When will I see you again - The Three Degrees





Hoowoo, Haaaa
Haaaa, Hoowoo
Precious moments

When will I see you again
When will we share precious moments
Will I have to wait forever
Will I have to suffer and cry the whole night through

When will I see you again
When will our hearts beat together
Are we in love or just friends
Is this my beginning or is this the end
When will I see you again
(When will I see you again)
When will I see you again

Haaaa, Hoowoo
Precious moments

Are we in love or just friends
Is this my beginning or is this the end
When will I see you again
(When will I see you again)
Sweet sweet love of mine
(When will I see you again)
When will I see you again
(When will I see you again)
When will I see you again





When will see you again - The Three Degrees When will see you again - The Three Degrees When will see you again - The Three Degrees

Hey Paula - Paul & Paula

Hey Paula - Paul & Paula


Paul & Paula

Ray Hildebrand เกิดเมื่อ 21 ธันวาคม 1940 ที่เมือง Joshua รัฐ Texas,
Jill Jackson, เกิดเมื่อ 20 พฤษภาคม 1942 ที่เมือง McCamey รัฐ Texas ทั้งคู่เป็นนักร้อง Pop Duo ที่มีชื่อเสียงมากเมื่อ ปี 1963

"Hey Paula"เคยเป็นเพลงอันดับ 1ของ The Billboard Hot 100 ในอดีต
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1962 สมัยที่ทั้งคู่ยังเรียนอยู่ที่วิทยาลัย Howard Payne College ในเมือง Brownwood รัฐ Texas DJ ของรายการวิทยุในท้องถิ่น เชิญชวนให้แฟนเพลงในรายการ เข้ามาทดสอบเสียงในสตูดิโอ เพื่อเฟ้นหานักร้องและนำรายได้ไปช่วยเหลือสมาคมโรคมะเร็งของชาวอเมริกัน ผลงานของเขาได้รับการสนับสนุนจากแฟนเพลงในรายการด้วยดี ทั้งคู่เลยได้แจ้งเกิดในเพลง Hey Paula,ซึ่งประพันธ์โดย Hildebrand สมัยนั้นทั้งคู่ใช้ชื่อวงว่า "Jill & Ray,"

นอกจาก Hey Paula แล้วทั้งคู่ยังมีผลงานที่กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ท The US Top 40 Hits ในยุคนั้นอีก ได้แก่ Young Lovers และ First Quarrel.




Hey Paula - Paul & Paula




HEY PAULA


Hey hey Paula,
I wanna marry you
Hey hey Paula,
No one else will ever do
I've waited so long
For school to be through
Paula I can't wait
No more for you
My love, my love.
..Hey hey Paul,
I've been waiting for you
Hey hey Paul,
I want to marry you too
If you love me true,
If you love me still
Our love will always be real
My love, my love
...True love means planning
a life for two
Being together
the holding throgh
True love means waiting
and hoping that soon
Wishes we made
will come true
My love, my love
..Hey hey Paula
I've been waiting for you
..Hey hey Paul
I want to marry you too
...True love means planning
a life for two
Being together
the hloding throgh
True love means waiting
and hoping that soon
Wishes we made
will come true
My love, my love,
My love




Hey Paula - Paul & Paula Hey Paula - Paul & Paula Hey Paula - Paul & Paula


"Mr. Lonely - Bobby Vinton"

Mr. Lonely - Bobby Vinton



Mr. Lonely - Bobby Vinton





Lonely, I’m Mr. Lonely
I have nobody for my own
I am so lonely, I’m Mr. Lonely
Wish I had someone to call on the phone

Now I’m a soldier, a lonely soldier
Away from home through no wish of my own
That’s why I’m lonely, I’m Mr. Lonely
I wish that I could go back home

Letters, never a letter
I get no letters in the mail
I’ve been forgotten, yes, forgotten
Oh how I wonder, how is it I failed

Now I’m a soldier, a lonely soldier
Away from home through no wish of my own
That’s why I’m lonely, I’m Mr. Lonely
I wish that I could go back home






Mr. Lonely - Akon




Mr. Lonely - Bobby Vinton Mr. Lonely - Bobby Vinton Mr. Lonely - Bobby Vinton



"Sukiyaki -Kyu Sakamoto"

Sukiyaki -Kyu Sakamoto

Kyu Sakamoto เกิดที่ Hisashi Oshima ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 10 พฤศจิกายน 1941 ที่เมือง Kawasaki City

ผลงานเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้ เคียว มากที่สุดคือ
เพลง Ue Muito Aruko (I look up when i walk) หรือ Sukiyaki
วางแผงที่ญี่ป่นเมื่อปี 2504 และไปวางแผงที่อเมริกา พ.ศ.2506
จากนั้นก็ขึ้นเป็นเพลงยอดนิยม อันดับ 1 ของ Billboard Chart
เขาแต่งงานกับนักแสดงหญิงชาวญี่ป่น ชื่อ Meiko Nakamura

Kyu เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2528 ขณะอายุเพียง 43 ปี
เนื่องจากเครื่องบิน โบอิ้ง 747 ของแจแปนแอร์ไลน์
ที่เขาโดยสารประสบอุบัติเหตุตกห่างจากกรุงโตเกียวเพียง 96 กิโลเมตร
เขาเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆอีกรวม 520 คน



Sukiyaki -Kyu Sakamoto





Ue o muite arukoo
Namida ga kobore nai yoo ni
Omoidasu haru no hi
Hitoribotchi no yoru
Ue o muite arukoo
Nijinda hoshi o kazoete
Omoidasu natsu no hi
Hitoribotchi no yoru
Shiawase wa kumo no ue ni
Shiawase wa sora no ue ni
Ue o muite arukoo
Namida ga kobore nai yoo ni
Nakinagara aruku
Hitoribotchi no yoru

Omoidasu aki no hi
Hitoribotchi no yoru
Kanashimi wa hoshi no kage ni
Kanashimi wa tsuki no kage ni
Ue o muite arukoo
Namida ga kobore nai yoo ni
Nakinagara aruku
Hitoribotchi no yoru



I look up when I walk
So the tears won't fall
Remembering those happy spring days
But tonight I'm all alone
I look up when I walk
Counting the stars with tearful eyes
Remembering those happy summer days
But tonight I'm all alone
Happiness lies beyond the clouds
Happiness lies above the sky
I look up when I walk
So the tears won't fall
Though my heart is filled with sorrow
For tonight I'm all alone

Remembering those happy autumn days
But tonight I'm all alone
Sadness hides in the shadow of the stars
Sadness lurks in the shadow of the moon
I look up when I walk
So the tears won't fall
Though my heart is filled with sorrow
For tonight I'm all alone



ตาฉันมอง จ้องฟ้า ขาฉันก้าว
วอนน้ำตา อย่าร่วงพราว เจ้าอย่าไหล
กลิ่นมวลไม้ อวลอายสุข ช่างแสนไกล
ด้วยคืนนี้ ฉันเดียวดาย ไม่เห็นทาง

เงยหน้า มองฟ้า ขาขยับ
ดาววามวับ นับด้วยตา ที่พร่าพร่าง
หวนสัมผัส สายลมอุ่น ที่ชืดจาง
ด้วยคืนนี้ แสนอ้างว้าง จวนพรั่งพรู

วันแสนสุข คงล่องลอย คล้อยข้ามฟ้า
เหนือเมฆา คืนหรรษา คงยังอยู่
ยามฉันเดิน ออกก้าว ยังเฝ้าดู
ด้วยตาเอ่อ ท้นอยู่ ยังทนกลืน

ต้องแหงนเงย เฉยมอง อยู่อย่างนั้น
แม้ในใจ จะกดกลั้น แทบสุดฝืน
ระทมไห้ ใจระบม ต้องทนยืน
ในค่ำคืน ที่ความเหงา เข้าติดตรึง

ภาพเมื่อยาม ใบไม้พลิ้ว ปลิวจากต้น
เคยสุขล้น ยามนั้น ยังฝันถึง
แต่ยามนี้ หวนหาสุข ทุกคำนึง
ร่ำรำพึง ในคืนเศร้า เหงาจับใจ






Sukiyaki -4PM


It's all because of you, I'm feeling sad and blue
You went away, now my life is just a rainy day
And I love you so, how much you'll never know
You've gone away and left me lonely

Untouchable memories, seem to keep haunting me
Another love so true
That once tued all my gray skies blue
But you disappeared
Now my eyes are filled with tears
And I'm wishing you were here with me

Soft with love are my thoughts of you
Now that you're gone
I just don't know what to do

If only you were here
You'd wash away my tears
The sun would shine once again
You'd be mine all mine
But in reality, you and I will never be
'Cause you took your love away from me
Girl, I don't know what I did
To make you leave me
But what I do know
Is that since you've been gone
There's such an emptiness inside
I'm wishing you'd come back to me

If only you were here
You'd wash away my tears
The sun would shine once again
You'd be mine all mine
But in reality, you and I will never be
'Cause you took your love away from me

Oh, baby, you took your love away from me.




Sukiyaki -Kyu Sakamoto Sukiyaki -Kyu Sakamoto Sukiyaki -Kyu Sakamoto

Desperado - Eagles

Desperado,
คนสิ้นคิดแสนดื้อ
why don't you come to your senses
ทำไมไม่เลิกคิดแบบโง่ ๆ ซะทีหนา
You've been out ridin' fences,for so long now.
เธอออกไปทำตัวสำมะเลเทเมามากแล้วน๊ะ

Ohh you're a hard one.
ฉันไม่อยากเื่ืชื่อเลยว่า เธอเป็นคนใจดำ
I know that you've got your reasons.
ฉันก็รู้ว่าเธอมีเหตุผลของตัวเอง
These things that are pleasin'you
สิ่งที่เธอทำลงไปนั้นทำให้เธอพอใจก็จริงอยู่
Can hurt you somehow.
แต่ก็อาจทำร้ายเธอไ้ด้

Don't you draw the queen of diamonds boy
เธอหยิบไพ่แหม่มข้าวหลามมาใช่ไหม
She'll beat you if she's able.
ไพ่ใบนี้อาจทำให้เธอแพ้ได้นะ
You know the queen of hearts
เธอก็รู้นี่นาว่าไพ่แหม่มโพแดง
is always your best bet.
คือไพ่ใบที่ทำให้เธอประสบผลสำเร็จ
Now it seems to me, some fine things
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่า,สิ่งที่ดี ๆ
Have been laid upon your table.
วางอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
But you only want the ones
แต่เธอก็ยังคงต้องการสิ่งที่
That you can't get.
เธอไม่สามารถไขว่ขว้าได้

Desperado,
คนสิ้นคิดแสนดื้อ
Ohhhh you aint getting no younger.
จะบอกให้นะ เธอไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีก (แก่แล้ว)
Your pain and your hunger,
ความเจ็บปวดและความหิวโหย

They're driving you home.
จะทำให้เธอกลับบ้าน
And freedom, ohh freedom.
และ เสรีภาพ,ใช่แล้ว เสรีภาพนะหรือ
Well that's just some people talking.
ก็เป็นแค่คนไม่กี่คนเขาพูดกัน
You're prison is walking through this world all alone.
เธอก็คือนักโืทษที่เดินท่องโลกใบนี้อย่างเดียวดาย

Don't your feet get cold in the winter time?
เท้าเธอไม่เหน็บหนาวหรือ ในช่วงฤดูหนาว
The sky won't snow
ช่วงเวลาที่ไร้หิมะ
and the sun will shine.
และพระอาทิตย์ไม่ฉายแสง
It's hard to tell the night time from the day.
ยากนะที่จะบอกว่าช่วงไหนกลางคืน ช่วงไหนกลางวัน
And you're losing all your highs and lows
และเธอกำลังสูญเสียสิ่งที่เป็นผลสำเร็จและสิ่งที่รู้สึกแย่
aint it funny how the feeling goes away...
มันไม่แปลกหรือ ว่าความรู้สึกเหล่านั้นหมดไปได้อย่างไร

Desperado,
คนดื้อผู้สิ้นหวัง
Why don't you come to your senses?
ทำไมเธอคิดไม่ได้สักที
come down from your fences,
ลงมาจากรั้วซะเถอะ
open the gate.
เปิดใจให้กว้างเถอะ
It may be rainin',
อาจมีฝนตกลงมาเปียกปอนบ้าง
but there's a rainbow above you.
แต่ก็ยังมีสายรุ่งทอตัวอยู่บนท้องฟ้า (ชีวิตยังมีหวัง)
You better let somebody love you.
เธอน่าจะเปิดใจยอมรับรักเถอะ
(let sombody love you)
You better let somebody love you...ohhh..hooo
before it's too..oooo.. late.
ก่อนที่จะสายเกินไป