Bangkok, Thailand


วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

Donna Donna - Joan Baez

Donna Donna - Joan Baez


Donna Donna เป็นเพลงที่ร่ำร้องหาเสรีภาพ ว่าด้วยเรื่องของลูกวัวตัวหนึ่งไม่เคยพบอิสระเหมือนนกตั้งแต่เกิดจนถูกฆ่าตาย เป็นวัฏจักรชีวิต

โจน บาเอซ Joan Baez ศิลปินหญิงที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์และจิตสำนึกต่อสังคมและสิทธิของเพื่อนร่วมโลก

เธอเกิดที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่มีพ่อเป็นชาวอเมริกันแมกซิกัน มีแม่เป็นชาวสก๊อต เธอย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่ตะวันออกกลาง ณ กรุงแบกแดด อิรัคตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ และที่นี่เองที่บ่มเพาะความเข้าใจในชีวิตให้แก่ตัวเธอ...

เธอเรียนรู้ความทุกข์ยาก ความอดอยาก ความไม่เท่าเทียมกันในการดำรงชีวิตจากที่นี่...กระทั่งครอบครัวของเธอเดินทางกลับมาใช้ชีวิตที่อเมริกา อีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งในปี 1956 เธอมีโอกาสได้ฟังคำปราศรัยของมาร์ติน ลูเธอร์คิง Martin Luther King นั่นทำให้เธอศรัทธาในวิถีของผู้นำคนนี้เป็นอย่างมาก...

โจน บาเอซ เริ่มต้นชีวิตการร้องเพลงครั้งแรก เมื่อเธอได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย บอสตัน Boston University ด้วยการไปทำงานร้องเพลงในร้านกาแฟและคลับเล็กๆ กระทั่งได้เธอรับเชิญจาก Bob Gibson ให้ไปเปิดการแสดงที่งาน Newport Folk Festival ในปี 1959 เป็นครั้งแรก ครั้งนั้นทำให้เสียงร้องอันทรงพลังของเธอกลายเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน

และส่งผลให้เธอได้มีอัลบั้มชุดแรกของตัวเองในปี 1960 และกลายเป็นศิลปินหญิงชื่อดังในบัดดล ด้วยเสียงร้องโซปราโนที่สามารถตรึงผู้ฟังได้ทุกครั้งที่เธอขึ้นเวที...

และในที่สุด เธอก็ค่อยๆก้าวเข้าสู่แวดวงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง...จนกระทั่งได้กับการขนานนามว่า ราชินีเพลงประท้วง และผู้ที่ต่อสู้บนความคิดอหิงสาตลอดมา....ทุกครั้งที่เธอขับขานบทเพลง มันกลายเป็นหอกคอยทิ่มแทงผู้นำเผด็จการและบรรดาความอยุติธรรมทั้งหลายในสังคม

ในช่วงทศวรรษ 1960 ที่สหรัฐอเมริกามีการเหยียดผิวอย่างรุนแรง โจน บาเอซเป็นคนหนึ่งที่ร่วมเดินขบวนประท้วงต่อต้านความไม่เท่าเทียม และเรียกร้องความเสมอภาคให้แก่เพื่อนร่วมโลกทุกคน...

บทเพลงแห่งการปฏิวัติ (Song of Revolution) กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวโจน บาเอซ เสียงร้องของเธอกลายเป็นตัวแทนความรู้สึกของผู้ฟังได้อย่างถึงอารมณ์ เธอเคยกล่าวไว้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักต่อสู้ตามแนวทางอหิงสา ก็คือ การลบล้างความคิดที่เกี่ยวกับชาติกำเนิดออกไปให้หมดสิ้นจากหัวสมอง...

นอกจากความเป็นศิลปินทางด้านดนตรีแล้ว โจน บาเอซ ยังเป็นนักสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เหตุการณ์ที่ดูจะทำให้ใครหลายคนรู้จักตัวเธอมากยิ่งขึ้น น่าจะเป็นช่วงสงครามเวียดนามที่มีกลุ่มนักศึกษาอเมริกันออกมาเรียกร้องและต่อต้านการทำสงครามในครั้งนั้น รวมทั้งโจน บาเอซ ด้วย เธอออกมาเดินขบวนประท้วง รวมทั้งทำหน้าที่ส่งจดหมายไปยังบ้านต่างๆที่มีนักโทษทหารถูกจองจำอยู่ด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงประจำชาติต่อรัฐบาลอเมริกันในช่วงนั้น ที่โจนเป็นต้นคิดก็คือการไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับรัฐ เพราะเธอประกาศว่า เงินภาษีที่จ่ายไปในช่วงนั้นเป็นการนำไปใช้สำหรับผลิตความตายให้กับประชาชนของโลก...

ในปี 1968 บาเอซออกหนังสือชื่อ Daybreak และกล่าวคำอุทิศให้กับ บรรดาพลเมืองชายผู้ถูกคุมขัง เนื่องมาจากการปฏิเสธหมายเกณฑ์ ด้วยความรัก ความนิยมยกย่อง และความรู้สึกกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง...

เมื่อเอ่ยถึงโจน บาเอซ ก็มักจะต้องนึกถึงนักร้องคู่ขวัญอย่างบ๊อบ ไดแลน ที่ทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ทั้งคู่เคยร่วมแสดงคอนเสิร์ตและร่วมประท้วงในเหตุการณ์ด้วยกัน ก่อนที่โจน บาเอซจะตัดสินใจแต่งงานกับผู้นำนักศึกษานาม เดวิด แฮร์ริส (David Harris) ทั้งคู่มีลูกชายด้วยกัน ก่อนที่ตัดสินใจแยกทางกันหลังจากนั้น...

ในช่วงปี 1979 โจน บาเอซ เคยทำจดหมายเปิดผนึกส่วนตัว ถึงสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในฐานะที่เธอเป็นประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสากล หรือ Humanities International Human Rights Committee ซึ่งถือเป็นกลุ่มเรียกร้องและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อสิทธิมนุษยชน

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร แต่แนวคิดและความเชื่อมั่นของผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เธอยังคงใช้ชีวิตส่วนหนึ่งไปกับงานสังคมเพื่อคนส่วนใหญ่ ขับขานบทเพลงเพื่อเรียกร้องและสื่อสาร เช่นเดิม...เพราะเธอเชื่อว่า ดนตรีก็คืออาวุธชนิดหนึ่ง ที่มีพลังและช่วยให้ความหวังของคนทั้งหลายเป็นจริงขึ้นมาได้





Donna Donna - Joan Baez




On a wagon bound for market,
บนเกวียนที่มุ่งหน้าไปตลาด
There's a calf with a mournful eye,
บรรทุกลูกวัวที่มีดวงตาอันเศร้าสร้อย
High above him there's a swallow,
แต่เหนือขึ้นไปนั้นมีนกนางแอ่น
Winging swiftly through the sky.
ที่โผผินไปในท้องฟ้า

CHORUS: How the winds are laughing,
นั่นสายลมกำลังหัวเราะ
They laugh with all their might,
พวกเขาหัวเราะอย่างงอหาย
Laugh and laugh the whole day through,
หัวร่อหัวใคร่อยู่ทั้งวัน
And half the summers night,
ถึงครึ่งค่อนราตรีในฤดูร้อน
Dona dona dona dooonaa.. dona dona dona da... etc.
ดอนนา ดอนนา

Stop complaining! said the farmer,
เลิกบ่นเสียที ชาวนาว่า
Who told you a calf to be?
ใครบอกให้เจ้าเกิดมาเป็นวัวล่ะ?
Why don't you have wings to fly with
ทำไมไม่เกิดมามีปีกติดตัว จะได้บินไป
Like a swallow so proud and free?
เหมือนนกนางแอ่นแสนภาคภูมิและอิสระ
CHORUS

Calves are easily bound and slaughtered,
วัวนั้นอาจถูกมัดและล้มได้ง่ายดาย
Never knowing the reason why,
โดยไม่รู้ว่าเหตุผลเป็นเพราะอะไร
But whoever treasures freedom,
แต่ใครก็ตามที่ทะนุถนอมอิสรภาพของตนไว้
Like the swallow has learned to fly.
เช่นเดียวกับนกนางแอ่น จะได้เรียนรู้ที่จะโบยบิน
CHORUS




Donna Donna - Joan Baez Donna Donna - Joan Baez Donna Donna - Joan Baez

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น